เหตุการณ์ ของ เหตุยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012

การกราดยิงเกิดขึ้นที่โรงภาพยนตร์โรงที่ 9 ในโรงภาพยนตร์เซนจูรีซิกซ์ทีน (Century 16) ที่อยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าทาวน์เซนเตอร์แอตออโรรา (Town Center at Aurora) ผู้ลงมือซื้อตั๋วภาพยนตร์แล้วเดินเข้าไปในโรง 9 แล้วเดินออกไปยังทางออกฉุกเฉิน เปิดประตูทิ้งไว้ เพื่อไปหยิบปืน และเปลี่ยนชุดจากรถที่จอดอยู่ใกล้ประตูทางออกพร้อมกับเอาอาวุธจากรถของเขาที่จอดอยู่หลังทางออก[6] หลังจากที่ภาพยนตร์ฉายไปประมาณครึ่งชั่วโมง[8] คนร้ายจึงกลับเข้ามาในโรงภาพยนตร์ โดยใส่ชุดสีดำ พร้อมหมวกเหล็กกันกระสุน เสื้อกั๊กบรรจุสัมภาระ ปลอกคอป้องกัน สนับขากันกระสุน เล็กกิ้งกันกระสุน กระจับ หน้ากากกันแก๊ส และถุงมือทางยุทธวิธี ตามคำพูดของแดน โอตส์ ผู้บัญชาการตำรวจเมืองออโรรา[1][9][10][11] ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นมือปืนเป็นอันตรายในตอนแรกเมื่อเขาเดินเข้ามาในโรงภาพยนตร์ เนื่องจากเขาสวมชุดที่ดูเป็นเครื่องแบบ ซึ่งก็มีผู้ชมคนอื่นที่แต่งตัวในลักษณะคล้ายกันเพื่อมาชมภาพยนตร์ จึงคิดกันว่ามือปืนคนนี้แค่แกล้งทำเฉยๆ จนกระทั่งเขาปล่อยระเบิดแก๊สออกมา แล้วเริ่มยิงปืน[8] แต่แม้ถึงตอนนั้น ก็ยังมีผู้ชมบางคนที่คิดว่ามือปืนกำลังทำการโปรโมตภาพยนตร์ และการยิงปืนคือการใช้สเปเชียลเอฟเฟคเพื่อโปรโมตหนังในรอบปฐมทัศน์ของทางผู้ผลิตหรือของทางโรงภาพยนตร์เอง[12]

การโจมตีเริ่มขึ้นเวลา 00.38 น. มือปืนเปิดการโจมตีด้วยการปากระป๋องที่ปล่อยแก๊สหรือควันที่บดบังทัศนวิสัยของผู้ชมภาพยนตร์ ทำให้พวกเขาเกิดอาการคันคอและผิวหนัง และทำให้ตาระคายเคือง[13] แล้วเขาก็ใช้ปืนลูกซองเรมิงตัน โมเดล 870 ขนาด 12 เกจยิงขึ้นไปบนเพดานก่อนที่จะยิงผู้ชม และยังใช้ปืนเล็กยาวสมิธแอนด์เวสสัน เอ็มแอนด์พี 15[14] ที่มีซองกระสุนรูปกล่องขนาด 100 นัด ในการยิงด้วยแต่อาวุธเกิดขัดลำกล้องหลังจากที่ยิงไปประมาณ 30 นัด[14][15][16] อาวุธสุดท้ายที่เขาใช้คือปืนพกกล็อก 22ลำกล้องขนาด .40[17] โดยยิงไปที่หลังโรง ก่อนจะยิงใส่คนที่อยู่ระหว่างแถวที่นั่ง[12] มีกระสุนบางนัดเจาะทะลุผนังโรงออกไปโดนผู้ชมในโรง 8 ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังฉายภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน[6] พยานให้การว่าหลังการโจมตีเกิดขึ้นไม่นาน สัญญาณเตือนภัยของโรงภาพยนตร์ก็ดังขึ้น และมีพนักงานบอกให้ผู้ชมในโรง 8 ทำการอพยพ[18] พยานอีกคนหนึ่งกล่าวว่าเธอไม่กล้าออกไปเพราะมีคนตะโกนเตือนไม่ให้ออกไป เพราะคนร้ายอยู่ในล็อบบี้[19]

มีโทรศัพท์ที่โทรไปแจ้งเหตุฉุกเฉินสายแรกเวลา 00.39 น. ตำรวจมาถึงในอีก 90 วินาทีต่อมา[20]และทำการจับกุมผู้ต้องหาได้เวลา 00.45 น.[21] และพบซองกระสุนปืนพกขนาด .40 อย่างน้อย 3 ซอง, ปืนลูกซอง 1 กระบอกและซองกระสุนรูปกล่อง 1 ซองอยู่บนพื้นในโรงภาพยนตร์[22] มีผู้อยู่ในเหตุการณ์บางคนรายงานเหตุยิงกันผ่านทวิตเตอร์และเอสเอ็มเอสแต่ไม่ได้แจ้งตำรวจ[15] ตำรวจชุดแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุบางส่วนตัดสินใจไม่รอรถพยาบาลและนำผู้บาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลก่อนด้วยรถสายตรวจ[23]

เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายโฮมส์ในเวลา 00.45 น.[21] บริเวณหลังโรงภาพยนตร์ข้างๆ รถของเขาเอง อย่างไม่มีการขัดขืน องค์กรรักษากฎหมายจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สององค์กรบอกกับเอบีซีนิวส์ว่าผู้ต้องสงสัยทำผมสีแดง และเรียกตัวเองว่า "โจ๊กเกอร์"[24] ตัวร้ายในเรื่องแบทแมน แต่ต่อมาทางการปฏิเสธที่จะยืนยันเรื่องนี้ สามวันต่อมา นายโฮมส์ปรากฏตัวในศาลเป็นครั้งแรกที่เมืองเซ็นเท็นเนียล รัฐโคโลราโด ในผมสีส้มอมแดง[25][26][27] เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธหลายกระบอกภายในรถของผู้ต้องหา รวมถึงปืนพกกล็อก 22 อีกหนึ่งกระบอก[28][29] หลังเกิดเหตุ โฮมส์ถูกควบคุมตัวในสถานกักกันอะแรพาโฮเป็นการชั่วคราว ภายใต้การเฝ้าระวังการฆ่าตัวตาย[30] ตำรวจทำการสอบปากคำพยานกว่า 200 คนที่อยู่ในเหตุการณ์[31] ตำรวจฝ่ายสืบสวนเชื่อว่ามือปืนลงมือด้วยตัวเอง และไม่ได้มีส่วนในขบวนการก่อการร้ายใดๆ[20] ผู้ต้องหาชื่อเจมส์ อีแกน โฮมส์ โดย 60 วันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ยิง โฮมส์ซื้อกระสุนมากว่า 6,000 นัด[32][33]โดยทั้งอาวุธและกระสุนที่ใช้ในการยิงครั้งนี้ โฮมส์ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยซื้อปืนจากร้านปืนท้องถิ่น และซื้อกระสุนจากอินเทอร์เน็ต[34][35]

เหยื่อ

มีผู้ถูกยิงทั้งหมด 70 คน เสียชีวิต 12 คน และได้รับบาดเจ็บ 58 คน ซึ่งยอดนี้ถือเป็นยอดผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์สังหารหมู่ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา[7] และยังเป็นเหตุยิงกันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดตั้งแต่การสังหารหมู่ที่โรงเรียนโคลัมไบน์ไฮสคูลใน ค.ศ. 1999 มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 10 คน และอีก 2 คนเสียชีวิตระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาล รายนามผู้เสียชีวิตมีดังต่อไปนี้

  • โจนาธาน เบิร์ก, อายุ 24 ปี
  • อเล็กแซนเดอร์ เจ. บอยก์, อายุ 18 ปี
  • เจสซี ชายล์เดรส, อายุ 29 ปี
  • เจสสิกา กาวี, อายุ 24 ปี
  • จอห์น แลริเมอร์, อายุ 27 ปี
  • แมท แม็คควิน, อายุ 27 ปี
  • มิเคลา มีเด็ค, อายุ 23 ปี
  • เวโรนิกา โมเซอร์-ซัลลิแวน, อายุ 6 ปี
  • อเล็กซ์ ซัลลิแวน, อายุ 27 ปี
  • อเล็กแซนเดอร์ ซี. เตเวส, อายุ 24 ปี
  • รีเบ็คคา วิงโก, อายุ 32 ปี

แอชลีย์ โมเซอร์ แม่ของเวโรนิกา โมเซอร์-ซัลลิแวน และกำลังอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสและแท้งบุตรหนึ่งสัปดาห์หลังเกิดเหตุ[36]

ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเด็กโคโลราโด, ศูนย์การแพทย์เดนเวอร์เฮลท์, ศูนย์การแพทย์ออโรรา, โรงพยาบาลพาร์เกอร์แอดเวนทิสต์, ศูนย์การแพทย์โรส, โรงพยาบาลสวีดิชและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคโลราโด และยังมีการตั้งจุดรักษาพยาบาลชั่วคราว ณ บริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปยังโรงเรียนไฮสคูลเกตเวย์เพื่อสอบปากคำ อายุของเหยื่อมีตั้งแต่ 3 ปีไปจนถึง 51 ปี[37][38] ในวันที่ 25 กรกฎาคม โรงพยาบาล 3 แห่งที่ทำการรักษาผู้บาดเจ็บประกาศว่าจะทำการกำหนดเพดานค่ารักษาพยาบาลหรือยกหนี้ให้ทั้งหมด[39]

มูลนิธิคอมมิวนิตีเฟิร์สรวบรวมเงินได้กว่า 5 ล้านดอลลาร์เป็นทุนให้กับเหยื่อและครอบครัวของเหยื่อ[40] ในเดือนกันยายน เหยื่อและครอบครัวของเหยื่อได้รับแบบสอบถามเกี่ยวกับวิธีกระจายทุนที่ต้องการ ระหว่างการแบ่งให้เหยื่อทุกคนเท่าๆ กัน หรือได้ตามการประเมินความจำเป็น[41]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เหตุยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012 http://www.cbc.ca/news/world/story/2012/07/20/denv... http://www.actionnewsjax.com/content/topstories/st... http://www.amctheatres.com/aurora http://www.basspro.com/GLOCK-G23--40-S&W-Compact-H... http://www.bloomberg.com/news/2012-07-20/time-warn... http://www.businessweek.com/news/2012-07-20/warner... http://www.businessweek.com/news/2012-07-23/colora... http://www.cbsnews.com/8301-18563_162-57477097/col... http://www.cbsnews.com/8301-201_162-57476636/colo-... http://www.cbsnews.com/8301-501363_162-57482669/mi...